ฟิลเลอร์คาง ปรับสมดุลใบหน้าให้ละมุน ไม่พักฟื้น
คางคืออีกหนึ่งจุดสำคัญบนใบหน้าที่มีผลต่อสัดส่วน ความสมดุล และความคมชัดของรูปหน้าอย่างมาก หาก คางสั้น คางตัด หรือไม่มีมิติ อาจทำให้ใบหน้าดูอวบ หน้ากลม หรือดูไม่สมส่วน โปรแกรม ฟิลเลอร์คาง จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- โปรแกรม Filler คางคืออะไร?
- โปรแกรมฟิลเลอร์ทำงานอย่างไร?
- ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นอะไร ในการฉีดคางดี?
- โปรแกรม Filler คางเหมาะกับใคร?
- โปรแกรม Filler คางช่วยเรื่องอะไร?
- โปรแกรม Filler คาง vs เสริมซิลิโคนคาง ต่างกันอย่างไร?
- อันตรายไหม?
- ฉีดโปรแกรม Filler คางแล้วเป็นก้อน ควรทำอย่างไร?
- การเตรียมตัวก่อนฉีด Filler คาง
- การดูแลตัวเองหลังฉีด Filler คาง
- คำถามที่พบบ่อยโปรแกรม Filler คาง
- สรุป
โปรแกรมฟิลเลอร์คางคืออะไร?
โปรแกรมฟิลเลอร์คาง คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปยังบริเวณคาง เพื่อปรับทรงคางให้ยาวขึ้น เรียวขึ้น หรือมีมิติมากขึ้นตามความต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด หรือหน้ากลม แล้วอยากปรับให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นอะไร ในการฉีดคางดี?
สำหรับบริเวณคางและกรอบหน้า แนะนำให้ใช้ ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volux จากบริษัท Allergan ประเทศไทย เพราะมีคุณสมบัติเด่นดังนี้:
เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ที่สามารถ ปั้นทรงและยกคางได้อย่างมีมิติ
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ไหล ไม่บวมข้างหลังฉีด
- อยู่ได้นานประมาณ 18–24 เดือน เหมาะกับจุดที่ต้องการการคงรูปชัดเจน
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากอย. ทั้งในไทยและสหรัฐอเมริกา
โปรแกรมฟิลเลอร์คาง vs เสริมซิลิโคนคาง ต่างกันอย่างไร?
วิธีการทำ
- Filler คาง: ฉีดสารเติมเต็ม (HA) เข้าใต้ผิว ไม่ต้องผ่าตัด
- เสริมซิลิโคนคาง: ผ่าตัดวางแท่งซิลิโคนเข้าไปใต้ผิว
ระยะเวลาเห็นผล
- Filler คาง: เห็นผลทันทีหลังฉีด
- เสริมซิลิโคนคาง : เห็นผลหลังยุบบวม ประมาณ 1–2 สัปดาห์
การพักฟื้น
- Filler คาง: แทบไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- เสริมซิลิโคนคาง: ต้องพักฟื้น 1–2 สัปดาห์ อาจมีอาการบวม ช้ำ
ความยืดหยุ่นในการแก้ไข
- Filler คาง: แก้ไขได้ง่าย สามารถฉีดสลายออกได้
- เสริมซิลิโคนคาง: ถ้าต้องการแก้ต้องผ่าตัดใหม่
ความถาวรของผลลัพธ์
- Filler คาง: อยู่ได้นานประมาณ 12–24 เดือน (ขึ้นกับรุ่นและยี่ห้อ)
- เสริมซิลิโคนคาง: ผลลัพธ์ถาวร แต่มีความเสี่ยงเรื่องการเคลื่อนหรือผิดตำแหน่ง
ระดับความเสี่ยง
- Filler คาง: ความเสี่ยงต่ำ หากใช้ฟิลเลอร์แท้และแพทย์เชี่ยวชาญ
- เสริมซิลิโคนคาง: มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ พังผืด หรือซิลิโคนเบี้ยว
ความรู้สึกขณะทำ
- Filler คาง: เจ็บเล็กน้อย คล้ายเข็มฉีดยา มีสารยาชาในตัวฟิลเลอร์
- เสริมซิลิโคนคาง: ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบระหว่างผ่าตัด
ค่าใช้จ่าย
- Filler คาง: เริ่มต้นราว ๆ 12,000–20,000 บาท/cc
- เสริมซิลิโคนคาง: ราคาผ่าตัดโดยเฉลี่ย 30,000–60,000 บาท
ความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์
- Filler คาง: ให้ผลลัพธ์เนียน สวยแบบธรรมชาติ ปรับรูปหน้าได้ละเอียด
- เสริมซิลิโคนคาง: อาจเห็นเป็นแท่งชัดเจน หากใช้ซิลิโคนหนาเกินไปหรือเข้ากับโครงหน้าไม่ดี
โปรแกรมฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้ฟิลเลอร์แท้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น Juvederm Volux โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก อย่างไรก็ตาม บริเวณคางเป็นจุดที่มีเส้นเลือดสำคัญ การฉีดต้องใช้เทคนิคและความแม่นยำ จึงควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยเฉพาะแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีประสบการณ์กับฟิลเลอร์แบรนด์แท้จาก Allergan
ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ควรทำอย่างไร?
ถ้าเกิดก้อนหรือผิวไม่เรียบหลังฉีด อาจมาจาก:
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอม
- แพทย์ปั้นทรงผิดตำแหน่ง
- ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดี
ในกรณีนี้สามารถแก้ไขโดย ฉีดสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) เพื่อสลายออก และสามารถฉีดใหม่ได้ในภายหลัง
12. คำถามที่พบบ่อย
ฉีดโปรแกรมFiller คาง ราคาเท่าไหร่?
โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ ประมาณ 12,000–20,000 บาท ต่อ 1 cc (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่น)
ฉีดโปรแกรมFiller คาง เจ็บไหม?
รู้สึกเพียงเล็กน้อยคล้ายเข็มฉีดยา เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ใช้มีสารยาชาในตัว และแพทย์จะใช้เทคนิคพิเศษเพื่อลดอาการเจ็บ
ควรเลือกแพทย์และคลินิกอย่างไร?
ควรเลือกแพทย์ที่ผ่านการอบรมจากบริษัท Allergan ประเทศไทย เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะในฟิลเลอร์รุ่น Volux และมีประสบการณ์ในการออกแบบรูปหน้าส่วนล่าง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ



